ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

2475-2549 โปรดฟังอีกครั้ง (34)

ถนอม กิตติขจร: ผู้สืบทอดยุคแห่งความมืดบอดทางปัญญา

สภาพการทางการเมืองและสังคมโดยทั่วไปนับจากมรณกรรมของ "จอมพลผ้าขาวม้าแดง" ยังอยู่ภายใต้การปกครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยอาศัย "อำนาจคณะปฏิวัติ" เป็นเวลาถึง 1 ทศวรรษที่พัฒนาการทางการเมืองในสังคมไทยตกอยู่ในภาวะชะงักงันเกือบจะโดยสิ้น เชิง ที่สำคัญการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีหลักประกันด้วย "รัฐธรรมนูญ" และ "สิทธิของประชาชน" ในการเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร กลายเป็นเสมือนคำ "ต้องห้าม" ไปโดยปริยาย ด้วยนโยบาย "ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก" ที่รัฐบาลคณะปฏิวัติที่นำโดยจอมพลถนอม กิตติขจร ใช้สืบเนื่องต่อมาจากรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ผลก็คือ การรวมกลุ่มของประชาชนวงการต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น และมีกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย "สาบสูญ" ไปจากประเทศไทยโดยสิ้นเชิง ไล่เรื่อยลงไปตั้งแต่ "พรรคการเมือง" "สมาคมกรรมกร-ชาวนา" และ "ขบวนการนิสิตนักศึกษา" ที่มีความตื่นตัวทางการเมือง

ความบีบคั้นและนโยบาย "กวาดล้าง" ผู้มีความเห็นทางการเมืองตรงข้ามกับรัฐบาลทหาร ส่งผลให้ นักการเมืองส่วนหนึ่ง ผู้นำกรรมกร-ชาวนาส่วนหนึ่ง ข้าราชการที่ดำเนินชีวิตสนิทแนบกับคนชั้นล่าง เป็นต้นว่าครูประชาบาลในชนบทห่างไกลโดยเฉพาะทางภาคอีสาน ตลอดจนปัญญาชน นักคิดนักเขียน ถูกผลักไสให้เดินทางเข้าร่วมกับ "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)" เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งเท่ากับเป็นการเสริมความเข้มแข็งและขยายการเติบโต ให้แก่ประชาชนที่ "ปราศจากเสรีภาพ" และ "ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับการเอาชีวิตรอด"

จนกระทั่งนำไปสู่ "วันเสียงปืนแตก" คือวันที่ 7 สิงหาคม 2508 ซึ่งเป็นวันที่กองกำลังในนาม "กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.)" ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใช้อาวุธโจมตีกองกำลังของรัฐบาล ไทยเป็นครั้งแรก ที่บ้านนาบัว ตำบลเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พร้อมกับการประกาศยุทธศาสตร์ "ต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ใช้ชนบทล้อมเมือง และยึดเมือง"

ช่วงเวลานี้เอง ที่ "จิตร ภูมิศักดิ์" ปัญญาชนนักคิดนักเขียนคนสำคัญ ถูกกดดันให้เข้าร่วมกับการต่อสู้ด้วยอาวุธกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจากถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2501 ในข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์และโดนฟ้องศาลในข้อหาดังกล่าว ยังศาลทหารในปี 2506 ตาม "พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ 2495" แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเมื่อปี 2496 ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมไปแล้วในคราวฉลอง 25 พุทธศตวรรษ จึงตัดสินให้การกระทำเช่นนั้นไม่มีความผิดต่อไป ศาลจึงยกฟ้องคดีที่จิตรเป็นจำเลย แต่จิตรก็ถูกกักตัวไว้ที่เรือนจำลาดยาวนานถึง 8 ปี กว่าจะได้รับอิสรภาพใน เดือนตุลาคม 2508

จากนั้นอีกเพียง 1 ปีถัดมา จิตร ภูมิศักดิ์ หรือ "สหายปรีชา" ก็จบชีวิตลง จากกระสุนปืน PSG-1ของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 ที่ ตำบลบ้านหนองกุง อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร หลงเหลือเพียงตำนานของเสรีชนนักสู้กับระบอบเผด็จการ และนักคิดนักเขียนที่ยืนหยัดเคียงผู้คนที่ต่ำต้อยน้อยหน้า ไร้สิทธิไร้เสียง ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม ตราบเท่าทุกวันนี้

ในเวลาเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็พัฒนาการมาจนถึงจุดเข้มข้นที่สุดในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สหรัฐอเมริกาเร่งส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น กว่าในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ช่วงปี 2509 ที่กระแสสงครามเวียดนามขึ้นสูงสุด จำนวนเที่ยวบินที่ออกจากฐานทัพไทยไปทิ้งระเบิดในเวียดนามอยู่ระหว่าง 875-1,500 เที่ยวต่อสัปดาห์ ระหว่างปี 2508-11 เฉพาะเครื่องบินจากฐานทัพโคราชและตาคลี ได้ทิ้งระเบิดในเวียดนามเหนือมากถึง 75 ตัน ขณะที่จำนวนทหารสหรัฐฯ ในไทยเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 48,000 นาย ในปี 2512

สำหรับในส่วนของนิสิตนักศึกษา มีคำกล่าวเปรียบเทียบในเวลาต่อมาว่าหลังการรัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ 2 ครั้ง เป็น "ยุคมืดทางปัญญา" งานวิจัยทางวิชาการและงานเขียนในแวดวงปัญญาชนจำนวนมากในเวลาต่อมา สะท้อนถึงสภาพการที่เรียกว่า "วัฒนธรรมยุคสายลมแสงแดด" ที่แยกตัวนิสิตนักศึกษาออกจากสภาพสังคมที่แวดล้อม กิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยจำกัดอยู่ในวงแคบรอบๆ และเต็มไปด้วยกิจกรรมบันเทิง และพิธีกรรมที่ไม่ส่งเสริมให้ตระหนักและรับผิดชอบต่อสังคมโดยทั่วไป

จนถึงปี 2508 สภาวการณ์ดังกล่าวได้มาถึงจุดอิ่มตัว เริ่มมีการรวมกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์สังคม และตั้งคำถามโดยกลุ่มนักศึกษาที่เป็น "ขบถ" ในรั้วมหาวิทยาลัย เริ่มจากชุมนุมวรรณศิลป์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนองานเขียนที่เป็นบทกวีหลากหลายรูปแบบที่มีลักษณะ "ทวนกระแส" ประกอบไปด้วยเนื้อหาสาระใหม่ๆ เช่นเรื่องปัญหาสังคมที่เสื่อมโทรม สงครามและความยากจน บรรยากาศ "สายลมแสงแดด" ถูกชำแหละและเข้าสู่สภาวะ "ปฏิกิริยาแห่งยุคสมัย" แม้ว่ากิจกรรมบันเทิงรูปแบบเดิมจะยังมิได้หมดไปเสียทีเดียวก็ตาม

ในที่สุดการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2502 ก็เสร็จสิ้น และมีการประกาศใช้ "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2511" โดยมีวุฒิสภาซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และห้าม ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้นายทหารที่คุมกำลังไม่ลงรับสมัครเลือก ตั้ง

ต่อมาในวันที่ 15 ตุลาคม ก็มีการประกาศใช้กฎหมายพรรคการเมือง และกำหนดจัดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2512 หลังจากที่ว่างเว้นมาถึง 11 ปี

ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าผู้สมัครของ "พรรคสหประชาไทย" ที่จัดตั้งโดยจอมพลถนอม ได้รับเลือกมากที่สุดคือ 76 คนจากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 219 ที่นั่ง แต่นั่นก็เพียงพอแล้วเพราะการซาวเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องทำร่วมกัน ระหว่างสภาผู้แทนฯ กับวุฒิสภา ซึ่งประกอบด้วยคนของจอมพลถนอมฯ เกือบทั้งสิ้น และจอมพลถนอม ก็ได้รับการเสนอชื่อและได้รับการรับรองโดยสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายก รัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นโดยรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลก็จะเป็นนายทหารคุม กำลัง เช่น จอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้บัญชาการทหารบกก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ส่วนจอมพลถนอมฯ นั้นควบ 3 ตำแหน่งสำคัญ คือ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย พันเอกถนัด คอร์มันตร์ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

รัฐบาลชุดที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2512 นี้ มีนายพจน์ สารสิน อดีตนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพครั้งที่จอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารเมื่อ 16 กันยายน 2500 รวมอยู่ด้วยด้วย.


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข วันที่ 6-13 พฤศจิกายน 2552
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2475-2549 โปรดฟังอีกครั้ง (52)

"คณะปฏิรูปฯ" และ "รัฐบาลหอย" กับมรสุมลูกแรก กบฏ 26 มีนาคม 2520 ตอนเย็นวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นั่นเอง นายทหารคณะหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในนาม "คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน" นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ประกาศยึดอำนาจจากรัฐบาล ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช โดยให้เหตุผลในคำประกาศว่า เพื่อกอบกู้สถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้พ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย จึงยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2517 ยุบรัฐสภา ยกเลิกพรรคการเมือง ประกาศใช้กฎอัยการศึก รวมทั้งห้ามประชาชนออกนอกบ้านระหว่าง 01.00 – 04.30 น. จากนั้นในวันที่ 8 ตุลาคม พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน นำ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งให้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน นับเป็นการการสิ้นสุดระบอบประชาธิปไตยอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญที่ได้มาด้วยการต่อสู้ของประชาชนที่รวมตัวกันล้มระบอบเผด็จการทหาร พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ตั้งคณะรัฐมนต...

2475-2549 โปรดฟังอีกครั้ง (56)

เรื่องของ "เปรม": เส้นทางที่ไม่ได้เลือก? รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการรวบรวมและดำเนินคดีในฐานะกบฏคณะบุคคลทั้งทหารและพลเรือน รวมทั้งประกาศให้ให้ผู้ร่วมก่อความไม่สงบรายงานเข้ารายงานตัว จนถึงเวลาที่กำหนดเป็นเส้นตาย มีผู้รายงานตัวครบ 289 คน เป็นพลเรือน 110 คน เช่น นายรักศักดิ์ วัฒนาพานิช และ นายบุญชนะ อัตถากร ตำรวจ 25 คน เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และทหาร 154 คน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยกลุ่มทหารหนุ่มที่เรียกว่า "ยังเติร์ก (Young Turk)" ทั้งนี้เป็นการเรียกขานกันโดยมีที่มาจากขบวนการปัญญาชนหัวใหม่ปลายยุคอาณาจักรออตโตมาน ที่ลุกขึ้นปฏิวัติประชาธิปไตยระหว่างปี ค.ศ. 1876 ถึงปี ค.ศ. 1923 ผู้นำคนสำคัญคือ มุสตาฟา เคมาล (Mustafa Kemal) ซึ่งก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นผู้นำผู้นำในการต่อสู้ขับไล่กองกำลังต่างชาติ ใน "สงครามเพื่อการปลดปล่อย (War of Liberation)" ช่วงปี ค.ศ. 1919-1923 จนเกิด สาธารณรัฐตุรกี จึงมีชื่อเรียกความพยายามทำรัฐประหารครั้งนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "กบฏยังเติร์ก" ในจำนวนแกนนำระดับหัวหน้าผู้ก่อการคนสำคัญที่เดินทางออกนอกประเทศ พ.อ.มนูญ รูปขจร ลี...

2475-2549 โปรดฟังอีกครั้ง (50)

6 ตุลาคม 2519 วันสังหารนกพิราบ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2519 อันเป็นกำหนดเวลาเส้นตายที่ศูนย์นิสิตฯยื่นต่อรัฐบาล ทางฝ่าย กระทิงแดง ยกกำลังอันธพาลทางการเมืองจำนวนหนึ่งอ้างว่าเพื่อป้องกันการบุกรุกมาตั้งแนวล้อมวัดบวรนิเวศ ปรากฏว่าหลังจากตัวแทนตัวแทนศูนย์นิสิตฯ ไม่ได้รับคำตอบใดจากการเข้าพบนายกรัฐมนตรี จึงกลับออกมาและเรียกประชุมได้ข้อสรุปออกมาเป้นมติให้มีการชุมนุมประชาชนครั้งใหญ่ที่สนามหลวงในเวลาเย็นวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ต่อมานับจากช่วงเช้าของวันที่ 4 ตุลาคมนั้นเอง กลุ่มนักศึกษาอิสระในธรรมศาสตร์รวม 21 กลุ่ม เริ่มการรณรงค์ให้นักศึกษางดสอบและเข้าร่วมการประท้วงขับไล่จอมพลถนอม ในการนี้ ชมรมนาฏศิลป์และการละครได้จัดการแสดงละครปลุกเร้าจิตสำนึกทางการเมือง โดยมีฉากหนึ่งที่เป็นภาพสะท้อนถึงช่างไฟฟ้าที่ถูกสังหารที่นครปฐม ปรากฏว่าการรณรงค์ประสบผลจนทำให้มหาวิทยาลัยต้องประกาศเลื่อนการสอบออกไปอย่างไม่มีกำหนด ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ประชาชนเริ่มทยอยกันมาชุมนุมที่สนามหลวง แล้วเกิดฝนตก แต่ในขณะเดียวกันมีสัญญาณบ่งบอกว่าในช่วงกลางคืนน่าจะมีการคุกคามโดยกลุ่มที่ต่อต้านนิสิต นักศึกษา ซึ่งมีแนวโน้มว่าผลักดันโดยขบ...